โหราศาสตร์หายไปไหน
โหราศาสตร์หายไปไหน โดยอาจารย์ ส.แสงตะวัน
คำนิยมโหราศาสตร์ในสมัยโบราณนับว่ามีคุณค่าที่สูงมาก ระบอบการปกครองสมัยนั้น ส่วนมากนิยมสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข มีพระราชอำนาจเหนือกฎหมายทุกประการ เมื่อถึงคราวต้องออกศึกสงครามรบกับปัจจามิตร พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ นำเหล่าทหารหาญออกประจัญบานจนสุดความสามารถ เครื่องศัสตราวุธยุทโธปกรณ์ สำหรับใช้ในการสงครามสมัยนั้นคงมีแต่จำพวกหอก ดาบ หน้าไม้ มีดพร้า เป็นอาวุธ นอกนั้นก็คงมีกองช้างกองม้า เพื่อการเคลื่อนที่ได้รวดเร็วตามกำหนด
พระมหากษัตริย์จึงจำต้องมีหน่วยกำลังอื่น เข้ามาเสริมกองทัพเพื่อความแข็งแกร่ง สามารถออกประจัญบานได้ทุกเวลา นอกจากนี้ยังส่งพนักงานผู้ใกล้ชิดออกสืบเสาะค้นหาผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมด้านยุทธการ ตลอดจนผู้มีวิชาความรู้ด้านลี้ลับต่างๆ เช่นพวกไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์มาเสริมพระบารมี วิชาโหราศาสตร์เป็นหน่วยงานแขนงหนึ่ง ที่พระมหากษัตริย์ทรงยกย่องว่าเป็นวิชาชั้นสูงที่ล้ำเลิศยากที่จะหาวิชาอื่นใดมาเทียบเคียงได้ เนื่องจากโหรสามารถที่จะคำนวณตำแหน่งดวงดาวหาฤกษ์ยามสำหรับบุคคล และยังนำมาใช้ในราชการสงคราม ซึ่งเรียกว่าดวงพิชัยสงคราม ได้ด้วย
ประเทศสยามเป็นอีกประเทศหนึ่ง เมื่อครั้งอดีตเคยมีคณะโหรประจำราชสำนัก และเคยได้รับสถาปนาขึ้นเป็นกรมโหรหลวงมาแล้วหลายสมัย เพิ่งจะยกเลิกปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนี่เอง เหตุที่ต้องยกเลิกน่าจะมีอยู่ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกวิชาโหราศาสตร์กำลังตกต่ำเสื่อมโทรมจนขาดหลักวิชาที่ถูกต้อง เป็นเหตุให้นักศึกษารุ่นหลังหลงทางไปจากเดิม หรือวิชาโหราศาสตร์ของแท้ดั้งเดิมได้สูญหายไปจากกระดานโหรหมดสิ้นแล้ว ประการหลังเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสมัยนั้นกำลังตกต่ำอย่างขนาดหนัก จนถึงกับรัฐบาลต้องประกาศยุบจังหวัด โดยลดฐานะเป็นพียงอำเภอหลายจังหวัด
ผู้เขียนเคยค้นหาประวัติความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์ ว่าได้เริ่มเสื่อมถอยลงในสมัยใด โดยนับแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา วิชาโหราศาสตร์ดั้งเดิมของเรายังอยู่ครบถ้วนทุกประการ ขบวนความต่างๆ เกี่ยวกับหลักวิชา มักจะเน้นวนเวียนอยู่แต่เรื่องระบบธาตุเท่านั้น จึงนับได้ว่าบรรดาโหรสมัยนั้น การพยากรณ์มีความแม่นยำยอดเยี่ยมมาก ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยนี้คงจะเหลืออยู่แบบกระเส็นกระสายไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์
เราเคยสงสัยกันมานานแล้วว่า วิชาโหราศาสตร์ของไทยเดิมได้ถึงจุดเสื่อมโทรมหรือสูญหายไปตอนไหน เราพอจะเดาสุ่มกันได้ว่า วิชาโหราศาสตร์ซึ่งเป็นของแท้ดั้งเดิมเริ่มหักเหออกนอกเส้นทาง ครั้งสมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชนี่เอง สมัยนั้นมีชาวยุโรปชาติฝรั่งเศส มีความเชี่ยวชาญด้านวิชาดาราศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ขออนุญาตต่อพระเจ้าแผ่นดิน นำกล้องส่องดูดาวเข้ามาตั้งที่กรุงลพบุรี เพื่อทัศนศึกษาและเพื่อเผยแพร่วิชานี้ด้วย เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว กลุ่มนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้นำเอาอุปกรณ์กล้องส่องดูดาวตั้งขึ้นในเขตพระราชฐาน เพื่อพระเจ้าแผ่นดินจะได้ทรงทอดพระเนตรด้วย นับว่าเป็นที่ตื่นเต้นกันมากในสมัยนั้นที่ได้ดูของแปลกใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน หลังจากพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรแล้ว ทรงพระปรีดาปราโมทย์เป็นอันมาก พวกดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ยังได้แสดงความแม่นยำในการคำนวณตำแหน่งดวงดาวให้พวกเราดูอีกด้วย นับเป็นที่ยอมรับโดยชี้ชัดให้เห็นถึงความถูกต้องแน่นอน สามารถนำไปเปรียบเทียบระหว่างปฏิทินตะวันตกกับตะวันออก ว่ามีความผิดเพี้ยนกันอย่างไร ในที่สุดบรรดาโหรต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ปฏิทินโหรหลวงที่คำนวณขึ้นใช้นั้นผิดและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
แท้ที่จริง ชนชาติตะวันตก เขาไม่มีวิชาโหราศาสตร์อย่างภาคตะวันออก เขาคิดว่าการพยากรณ์โชคชะตาราศี โดยการใช้ดวงดาวแบบล้วนๆ นั่นเอง ต่อมาได้ค้นคว้าเอาอย่างอื่นเข้ามาประยุกต์จนออกนอกเส้นทางไป
มาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา นักโหราศาสตร์ได้แตกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนิยมใช้ปฏิทินแบบตะวันตก ดังที่เขาเรียกกันว่าแบบสากล แต่อีกกลุ่มหนึ่งยังคงใช้ปฏิทินโหรแบบเก่ากันอยู่ ในฐานะที่เราสนใจศึกษาภาคพยากรณ์ จึงควรทราบไว้ด้วยว่า ปฏิทินดาราศาสตร์นั้น เขาคิดคำนวณจากโลกไปหาดวงดาว ส่วนปฏิทินโหราศาสตร์ไทยนั้น เขาคิดคำนวณจากดวงดาวลงมาหาโลก เนื่องจากโลกของเรามีฐานทรงกลม จึงต้องหาหลักคำนวณในแต่ละจุดที่ต้องการ พอถึงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เราได้ถูกทหารพม่าข้าศึกเผาทำลายบ้านเมืองเป็นจุณมหาจุณ ประชาชนชาวไทยเกิดอลหม่านหนีกระจัดกระจายจนไม่เป็นส่ำ ทรัพย์สินอันมีค่าควรเมือง นอกจากจะถูกทหารพม่าเผาผลาญจนหมดสิ้นแล้ว คัมภีร์ต่างๆ ตำราเก่าๆ แม้แต่ตำราโหราศาสตร์ที่ยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุด ก็ถูกเผาผลาญเป็นทะเลเพลิง บรรดาโหรทั้งหลายต่างกระจัดกระจายย้ายไปคนละทิศทาง บ้างถูกจับเป็นเชลยรวมกับชาวกรุงเก่า บ้างหนีไปทางเหนือ บางหนีลงไปทางใต้ เช่นไปอยู่เมืองไชยา เมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช เป็นต้น
คำนิยมโหราศาสตร์ในสมัยโบราณนับว่ามีคุณค่าที่สูงมาก ระบอบการปกครองสมัยนั้น ส่วนมากนิยมสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข มีพระราชอำนาจเหนือกฎหมายทุกประการ เมื่อถึงคราวต้องออกศึกสงครามรบกับปัจจามิตร พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพ นำเหล่าทหารหาญออกประจัญบานจนสุดความสามารถ เครื่องศัสตราวุธยุทโธปกรณ์ สำหรับใช้ในการสงครามสมัยนั้นคงมีแต่จำพวกหอก ดาบ หน้าไม้ มีดพร้า เป็นอาวุธ นอกนั้นก็คงมีกองช้างกองม้า เพื่อการเคลื่อนที่ได้รวดเร็วตามกำหนด
พระมหากษัตริย์จึงจำต้องมีหน่วยกำลังอื่น เข้ามาเสริมกองทัพเพื่อความแข็งแกร่ง สามารถออกประจัญบานได้ทุกเวลา นอกจากนี้ยังส่งพนักงานผู้ใกล้ชิดออกสืบเสาะค้นหาผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมด้านยุทธการ ตลอดจนผู้มีวิชาความรู้ด้านลี้ลับต่างๆ เช่นพวกไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์มาเสริมพระบารมี วิชาโหราศาสตร์เป็นหน่วยงานแขนงหนึ่ง ที่พระมหากษัตริย์ทรงยกย่องว่าเป็นวิชาชั้นสูงที่ล้ำเลิศยากที่จะหาวิชาอื่นใดมาเทียบเคียงได้ เนื่องจากโหรสามารถที่จะคำนวณตำแหน่งดวงดาวหาฤกษ์ยามสำหรับบุคคล และยังนำมาใช้ในราชการสงคราม ซึ่งเรียกว่าดวงพิชัยสงคราม ได้ด้วย
ประเทศสยามเป็นอีกประเทศหนึ่ง เมื่อครั้งอดีตเคยมีคณะโหรประจำราชสำนัก และเคยได้รับสถาปนาขึ้นเป็นกรมโหรหลวงมาแล้วหลายสมัย เพิ่งจะยกเลิกปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวนี่เอง เหตุที่ต้องยกเลิกน่าจะมีอยู่ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกวิชาโหราศาสตร์กำลังตกต่ำเสื่อมโทรมจนขาดหลักวิชาที่ถูกต้อง เป็นเหตุให้นักศึกษารุ่นหลังหลงทางไปจากเดิม หรือวิชาโหราศาสตร์ของแท้ดั้งเดิมได้สูญหายไปจากกระดานโหรหมดสิ้นแล้ว ประการหลังเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศสมัยนั้นกำลังตกต่ำอย่างขนาดหนัก จนถึงกับรัฐบาลต้องประกาศยุบจังหวัด โดยลดฐานะเป็นพียงอำเภอหลายจังหวัด
ผู้เขียนเคยค้นหาประวัติความเป็นมาของวิชาโหราศาสตร์ ว่าได้เริ่มเสื่อมถอยลงในสมัยใด โดยนับแต่ยุคสมัยกรุงสุโขทัยเรื่อยมาจนถึงยุคสมัยกรุงศรีอยุธยา วิชาโหราศาสตร์ดั้งเดิมของเรายังอยู่ครบถ้วนทุกประการ ขบวนความต่างๆ เกี่ยวกับหลักวิชา มักจะเน้นวนเวียนอยู่แต่เรื่องระบบธาตุเท่านั้น จึงนับได้ว่าบรรดาโหรสมัยนั้น การพยากรณ์มีความแม่นยำยอดเยี่ยมมาก ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยนี้คงจะเหลืออยู่แบบกระเส็นกระสายไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์
เราเคยสงสัยกันมานานแล้วว่า วิชาโหราศาสตร์ของไทยเดิมได้ถึงจุดเสื่อมโทรมหรือสูญหายไปตอนไหน เราพอจะเดาสุ่มกันได้ว่า วิชาโหราศาสตร์ซึ่งเป็นของแท้ดั้งเดิมเริ่มหักเหออกนอกเส้นทาง ครั้งสมัยแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชนี่เอง สมัยนั้นมีชาวยุโรปชาติฝรั่งเศส มีความเชี่ยวชาญด้านวิชาดาราศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ขออนุญาตต่อพระเจ้าแผ่นดิน นำกล้องส่องดูดาวเข้ามาตั้งที่กรุงลพบุรี เพื่อทัศนศึกษาและเพื่อเผยแพร่วิชานี้ด้วย เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว กลุ่มนักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้นำเอาอุปกรณ์กล้องส่องดูดาวตั้งขึ้นในเขตพระราชฐาน เพื่อพระเจ้าแผ่นดินจะได้ทรงทอดพระเนตรด้วย นับว่าเป็นที่ตื่นเต้นกันมากในสมัยนั้นที่ได้ดูของแปลกใหม่ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน หลังจากพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรแล้ว ทรงพระปรีดาปราโมทย์เป็นอันมาก พวกดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ยังได้แสดงความแม่นยำในการคำนวณตำแหน่งดวงดาวให้พวกเราดูอีกด้วย นับเป็นที่ยอมรับโดยชี้ชัดให้เห็นถึงความถูกต้องแน่นอน สามารถนำไปเปรียบเทียบระหว่างปฏิทินตะวันตกกับตะวันออก ว่ามีความผิดเพี้ยนกันอย่างไร ในที่สุดบรรดาโหรต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ปฏิทินโหรหลวงที่คำนวณขึ้นใช้นั้นผิดและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง
แท้ที่จริง ชนชาติตะวันตก เขาไม่มีวิชาโหราศาสตร์อย่างภาคตะวันออก เขาคิดว่าการพยากรณ์โชคชะตาราศี โดยการใช้ดวงดาวแบบล้วนๆ นั่นเอง ต่อมาได้ค้นคว้าเอาอย่างอื่นเข้ามาประยุกต์จนออกนอกเส้นทางไป
มาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา นักโหราศาสตร์ได้แตกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งนิยมใช้ปฏิทินแบบตะวันตก ดังที่เขาเรียกกันว่าแบบสากล แต่อีกกลุ่มหนึ่งยังคงใช้ปฏิทินโหรแบบเก่ากันอยู่ ในฐานะที่เราสนใจศึกษาภาคพยากรณ์ จึงควรทราบไว้ด้วยว่า ปฏิทินดาราศาสตร์นั้น เขาคิดคำนวณจากโลกไปหาดวงดาว ส่วนปฏิทินโหราศาสตร์ไทยนั้น เขาคิดคำนวณจากดวงดาวลงมาหาโลก เนื่องจากโลกของเรามีฐานทรงกลม จึงต้องหาหลักคำนวณในแต่ละจุดที่ต้องการ พอถึงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เราได้ถูกทหารพม่าข้าศึกเผาทำลายบ้านเมืองเป็นจุณมหาจุณ ประชาชนชาวไทยเกิดอลหม่านหนีกระจัดกระจายจนไม่เป็นส่ำ ทรัพย์สินอันมีค่าควรเมือง นอกจากจะถูกทหารพม่าเผาผลาญจนหมดสิ้นแล้ว คัมภีร์ต่างๆ ตำราเก่าๆ แม้แต่ตำราโหราศาสตร์ที่ยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุด ก็ถูกเผาผลาญเป็นทะเลเพลิง บรรดาโหรทั้งหลายต่างกระจัดกระจายย้ายไปคนละทิศทาง บ้างถูกจับเป็นเชลยรวมกับชาวกรุงเก่า บ้างหนีไปทางเหนือ บางหนีลงไปทางใต้ เช่นไปอยู่เมืองไชยา เมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช เป็นต้น
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปฐมกษัตริย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเสด็จมาสร้างเมืองหลวงใหม่ตรงจุดที่ปัจจุบันเรียกว่า กรุงเทพมหานคร นี่เอง เราหมดมาแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง หากจะเรียกว่าหมดตัวก็ได้ เราขาดช่างผู้มีฝีมือทางด้านศิลปะศาสตร์มากมาย แม้จะมีหลงเหลืออยู่บ้างก็น้อยเต็มที จึงต้องหาช่างศิลปะเชื้อสายมอญมาร่วมกันสร้างเมืองหลวงใหม่ เนื่องจากเห็นว่าบรรดาฝีมือระหว่างช่างไทยกับเชื้อสายมอญใกล้เคียงกัน อยู่นานๆ ไปบรรดาช่างศิลปะเหล่านี้ได้โอนสัญชาติเป็นคนไทย เข้ารับราชการจนได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ ถึงชั้นพระยาก็มีอยู่ไม่น้อย
เชื้อสายชาวมอญนี่เอง ได้นำเอาวิชาโหราศาสตร์แบบมอญเข้ามาเล่นในเมืองไทย เป็นวิชาที่ได้รับความนิยมยกย่องกันมากคือวิชามหาทักษามาเล่นคู่กับดวงชะตา และยังเป็นที่นิยมชมชอบมาจนถึงสมัยปัจจุบัน เราหารู้ไม่ว่าสื่อมรณะกำลังย่างเข้ามาบดบังวิชาโหราศาสตร์ดั้งเดิมของไทยเข้าแล้ว บัดนี้คัมภีร์โหรเก่าแก่ได้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว เวลานี้วิชาโหราศาสตร์แบบมหาทักษา กำลังออกตอบโต้กับวิชาดาราศาสตร์อย่างเข้มแข็ง เห็นทีคงจะชนะเขายาก เพราะของจริงเราไม่มีโอ้อวดกับเขา และขณะนี้พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่า โหราศาสตร์คืออะไรกันแน่ เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์ของแท้ดั้งเดิม ไม่มีจดบันทึกหรือเขียนเป็นตำราไว้ในที่ใด เจ้าของเดิมสอนศิษย์ต่อเนื่องกันมาแบบมุขบาฐบรรจุไว้ในสมอง ด้วยกริ่งเกรงว่าจะถูกขโมยคัดลอกเอาไป แต่ละประเทศที่มีโหรประจำราชสำนัก ต่างหวงแหนเป็นความลับชั้นสุดยอด ดังนั้น จึงมีคำถามขึ้นมาว่า โหราศาสตร์คืออะไร ของจริงอยู่ที่ไหน และเล่นกันอย่างไร สวัสดี
เชื้อสายชาวมอญนี่เอง ได้นำเอาวิชาโหราศาสตร์แบบมอญเข้ามาเล่นในเมืองไทย เป็นวิชาที่ได้รับความนิยมยกย่องกันมากคือวิชามหาทักษามาเล่นคู่กับดวงชะตา และยังเป็นที่นิยมชมชอบมาจนถึงสมัยปัจจุบัน เราหารู้ไม่ว่าสื่อมรณะกำลังย่างเข้ามาบดบังวิชาโหราศาสตร์ดั้งเดิมของไทยเข้าแล้ว บัดนี้คัมภีร์โหรเก่าแก่ได้สูญหายไปเกือบหมดแล้ว เวลานี้วิชาโหราศาสตร์แบบมหาทักษา กำลังออกตอบโต้กับวิชาดาราศาสตร์อย่างเข้มแข็ง เห็นทีคงจะชนะเขายาก เพราะของจริงเราไม่มีโอ้อวดกับเขา และขณะนี้พวกเขาจะไม่มีทางรู้ว่า โหราศาสตร์คืออะไรกันแน่ เนื่องจากวิชาโหราศาสตร์ของแท้ดั้งเดิม ไม่มีจดบันทึกหรือเขียนเป็นตำราไว้ในที่ใด เจ้าของเดิมสอนศิษย์ต่อเนื่องกันมาแบบมุขบาฐบรรจุไว้ในสมอง ด้วยกริ่งเกรงว่าจะถูกขโมยคัดลอกเอาไป แต่ละประเทศที่มีโหรประจำราชสำนัก ต่างหวงแหนเป็นความลับชั้นสุดยอด ดังนั้น จึงมีคำถามขึ้นมาว่า โหราศาสตร์คืออะไร ของจริงอยู่ที่ไหน และเล่นกันอย่างไร สวัสดี
ขอบคุณที่มา : https://sunwasa.wordpress.com
#คุณยายกลิ่นโสม
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#คุณยายเล่าเรื่องจากเรือนดาว
#โหราศาสตร์ไทยเรียนง่ายกว่าที่คิด
#เรียนโหราศาสตร์ไทยสไตล์คุณยายกลิ่นฯ
#อ่านดวงไทยสบายสบาย ตามสไตล์คุณยายกลิ่นโสม
#โหราศาสตร์ไทยเรียนด้วยตนเองฉบับคุณยายกลิ่นโสม
#เรียนโหราศาสตร์ไทยฟรี ที่เวปนี้นะ:: htthttp://www.baankhunyai.com
--------------------